Present Simple Tense
2.1 ประโยค Present Simple Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง : Subject + Verb 1 (s ) 
( ประธาน + กริยาช่องที่ 1 ( s ) )
( เมื่อประธานเป็นเอกพจน์บุรุษที่ 3 หลังคำกริยาจะต้องเติม s ) 
ตัวอย่าง : 1.I go to school by car. (ฉันไปโรงเรียนโดยรถยนต์)
2. He walks to school. ( เขาเดินไปโรงเรียน )
3. You play football every day. ( คุณเล่นฟุตบอลทุกวัน )
4. Somsri and Somsak study English every day .( สมศรีและสมศักดิ์เรียนภาษาอังกฤษทุกวัน )
2.2 ประโยค Present Simple Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Present Simple Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธ ทำได้ด้วยการใช้ Verb to do มาช่วย มีหลักการใช้ดังนี้
do ใช้กับประธานพหูพจน์ และ I กับ you
does ใช้กับประธานเอกพจน์ ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
โครงสร้าง : Subject + do / does + not + Verb 1
( ประธาน + do / does + not + กริยาช่องที่ 1 )
ตัวอย่าง : 1. I do not ( don’t ) go to school by car. ( ฉันไม่ไปโรงเรียนโดยรถยนต์ )
2. He does not ( doesn’t ) walk to school. ( เขาไม่เดินไปโรงเรียน )
3. You do not play football every day. ( คุณไม่เล่นฟุตบอลทุกวัน )
4. Somsri and Somsak do not study English every day .( สมศรีและสมศักดิ์ไม่เรียนภาษาอังกฤษทุกวัน )
ข้อสังเกต : เมื่อนำ does มาช่วยในประโยคแล้ว ต้องตัด s ออกด้วย
2.3 ประโยค Present Simple Tense เชิงคำถามและการตอบ
เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Present Simple Tense ให้มีความหมายเชิงคำถาม ทำได้ด้วยการนำ do หรือ does มาวางไว้หน้าประโยค และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างของประโยคดังนี้
โครงสร้าง : Do / Does + Subject + Verb 1 ?
( Do / Does + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 )
ตัวอย่าง : 1. Does he walk to school ? (เขาเดินไปโรงเรียนใช่หรือไม่ )
-Yes, he does. ( ใช่ เขาเดินไปโรงเรียน )
-No, he doesn’t. ( ไม่ใช่ เขาไม่ได้เดินไปโรงเรียน )
2. Do you play football every day ? ( คุณเล่นฟุตบอลทุกวันใช่หรือไม่ )
-Yes, I do. ( ใช่ ฉันเล่นฟุตบอลทุกวัน )
-No, I don’t. ( ไม่ใช่ ฉันไม่ได้เล่นฟุตบอลทุกวัน )
2.4 หลักการใช้ Present Simple Tense
  1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นความจริงตลอดไปหรือเป็นความจริงตามธรรมชาติ เช่น
    1. The sun rises in the east.( พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก )
2. Fire is hot. ( ไฟร้อน )
2. ใช้กับการกระทำที่กระทำอยู่จนเป็นนิสัย มักจะมีกลุ่มคำที่มีความหมายว่า เสมอๆ บ่อยๆ ทุกๆ อยู่ด้วย เช่น
  1.  
    1.  
      1. I get up at six o’clock every day. ( ฉันตื่นนอนเวลา 6 นาฬิกาทุกวัน )
      2. He plays football every day. ( เขาเล่นฟุตบอลทุกวัน )
2.5 หลักการเติม s ที่คำกริยา
1.กริยาที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, o, หรือ x ให้เติม e ก่อนแล้วจึงเติม s เช่น
pass - passes = ผ่าน
brush - brushes = แปรงฟัน
catch - catches = จับ
go - goes = ไป
box - boxes = ชก
2.กริยาที่ลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น ie แล้วจึงเติม s เช่น
cry - cries = ร้องไห้
fry - fries = ทอด
try - tries = พยายาม
ข้อยกเว้น ถ้ากริยานั้นหน้า y เป็นสระ ให้เติม s ได้เลย เช่น
play - plays = เล่น
stay - stays = พัก
3. กริยาที่นอกเหนือจากที่กล่าวในข้อ 1 และ ข้อ 2 ให้เติม s ได้เลย